ผีที่วัดร้าง
ผีที่วัดร้าง
มีเรื่องสั้นๆเล่าสู่ฟัง นานมาแล้วคุณตาเล่าให้ฟัง สถานที่จริงยังมีอยู่สมัยก่อนโน้นประมาณ80ปีเห็นจะได้ ตอนนี้คนเล่าเสียชีวิตแล้ว
แถวบ้านคุณตาเป็นบ้านนอกทำไร่ทำนาเป็นอาชีพ มีแต่ป่ากับทุ่งนาไม่เหมือน
ปัจจุบันความเจริญยังเข้าไม่ถึง ไม่มีไฟฟ้าน้ำประปา ใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด
( ใช้กระป๋องนมหรือขวดอะไรก็ได้ไม่ใหญ่มาก นำมาเจาะตรงฝาให้เป็นรูพอที่
จะสอดไส้ตะเกียงที่ทำด้วยผ้าฝ้ายหรือเชือกที่ทำด้วยฝ้ายใส่ผ่านรูลงไปให้
ใหญ่ขนาดพอแน่นรูที่เจาะไว้ แล้วเทน้ำมันก๊าดลงไปในกระป๋องรอให้ไส้ดูด
น้ำมันขึ้นมาแล้วจุดไฟที่ไส้ก็ได้แสงสว่างแล้ว) ให้แสงสว่าง
ใช้น้ำบ่อ(ขุดเองมีทุกบ้าน)สำหรับกิน อาบ และทุกกิจกรรมที่ต้องใช้น้ำ วิธีที่จะ
เอาน้ำขึ้นจากบ่อมาใช้ ก็ใช้ไม้ไผ่ยาวๆพอที่จะถึงน้ำ เจาะรูด้านโคนไม้ไผ่ทำไม้
เป็นตะขอตีอัดเข้าไปในรูที่เจาะทะลุไว้ตอกตะปูยึดอีกทีให้แน่นหนา ก็ได้ไม้ขอ
ไว้ตักน้ำแล้ว วิธีใช้ก็เอาถังน้ำ(หรือคุ ที่บางคนเรียก)เกี่ยวใส่ตะขอหย่อนถัง
น้ำลงไปตักน้ำขึ้นมา
มาพูดถึงเรื่องผีที่คุณตาเล่าให้ฟังต่อดีกว่า คุณตาเป็นชาวนาเสร็จจากงาน
นาคุณตาก๊เข้าไร่ตัดกล้วยที่ปลูกไว้บนเขาเอาไปขายที่ตลาดศูนย์รวม
สมัยโน้นยังไม่มีตลาดกลางค้าส่งเหมือนทุกวันนี้ บางครั้งก็ใส่หาบเดินไป
(รู้จักหาบกันมั้ย มีลักษณะคล้ายตะกร้า สานด้วยไม้ไผ่รูปร่างกลมๆแต่ใหญ่
กว่าตะกร้าใช้เชือกทำหูสำหรับ ใช้ไม้คานหาบตรงกลาง มี2ข้าง ใส่ของใน
ตะกร้าแล้วหาบไป)บางครั้งก็ขี่จักรยานไปใช้ตะกร้ามัดท้ายจักรยานแล้ว
ถีบไปเรื่อยๆเมื่อยก็พัก ไม่มีถนนสะดวกสะบายเหมือนทุกวันนี้ เป็นทางดิน
ที่ใช้เดินไม่ใช่ถนน ใช้เวลาไป1วันถึงตลาดขายของเสร็จนอนค้างตลาด1คืน
รุ่งขึ้นเดินทางกลับตอนเช้าถึงบ้านก็มืดๆหน่อย เป็นอย่างนี้เรื่อยมาเพราะระยะ
ทางไกลมากข้ามจังหวัดกันเลยแหละ
มีอยู่วันหนึ่งขายของเสร็จเช้าก็เดินทางกลับบ้านเกือบถึงบ้านก็มืดแล้ว
อีกประมาณ2-3กิโลเมตรก็จะถึงบ้านแล้วแต่ทางต้องผ่านวัดร้าง อายุประมาณ
200ปีเห็นจะได้บริเวณวัดร่มครึ้มด้วยต้นยางใหญ่ๆเต็มไปหมด ขนาดกลางวัน
ยังน่ากลัวนี่มืดแล้วแต่ก็ต้องกลับทางนี้เลี่ยงไม่ได้ .เป็นทางที่ใช้ประจำ. ขณะ
ที่กำลังขี่จักรยานเข้าไปในบริเวณวัดนั้น มืดก็มืด สายตาก็มองเห็นเหมือนคน
เดินอยู่ข้างหน้า4-5คน ก็แอบดีใจว่ามีเพื่อนผ่านวัดแล้ว(คราวนั้นคุณตาไปคน
เดียว ทุกครั้งจะมีเพื่อนบ้านไปด้วย) พอถีบจักรยานเข้าไปใกล้ๆก็เห็นชัดๆ
ว่าคนเหล่านั้นแบกอะไรอยู่ เอ๊ะ โลงศพสีขาวๆเห็นชัดในความมืด ทำไงดีเริ่ม
กลัวขึ้นมาแล้วใครจะมาแบกโลงศพในวัดร้างตอนมืดๆ จะแซงหน้าไปก็ไม่ได้
ก็ชะลอตามไปเรื่อยๆแบบค่อยๆห่างออกไป ไม่กล้าเข้าไปใกล้ สักพัก
กลุ่มคน(ไม่น่าใช่คน)กลุ่มนั้นก็แบกโลงลับเข้าป่าไม้ไป คุณตาก็โล่งอก
ไม่มีอะไรขวางทางแล้วก็เริ่มจะออกถีบจักรยานกลับบ้าน กำลังจะตั้งตัว
ขึ้นจักรยานอยู่นั้น(วัดร้างแห่งนี้มีบริเวณกว้างมาก) ก็ได้ยินเสียงเรียกมาจาก
ข้างหลัง "รอด้วยๆ" ดีใจอีกรอบมีเพื่อนตามมาข้างหลังแล้วจึงเหลียวหลัง
กลับไปดู แล้วก็ต้องตกใจแทบช็อค เพราะเสียงที่เรียกนั้นมาจากกลุ่มคน
(ที่ไม่น่าใช่คน)กลุ่มนั้นกำลังแบกโลงวิ่งตามหลังมา คุณตาเล่าว่าเกือบเสียสติ
คิดอะไรไม่ออกลงจักรยานแต่ไม่ทิ้งนะ(เป็นสันชาตญาน)ยกจักรยานแบกใส่บ่า
แล้วออกวิ่งเหนื่อยแสนเหนื่อยเหมือนจะขาดใจตาย วิ่งสุดกำลังแต่ก็เหมือนช้า
มาก(สมัยนั้นคุณตาอายุประมาณ 40ต้นๆ ร่างกายแข็งแรงมาก) วิ่งไปหูก็ยัง
ได้ยินเสียงเรียกให้รอด้วยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ยังแข็งใจวิ่งไม่ยอมหยุด
จนเข้าเขตหมู่บ้านมาหมดแรงล้มอยู่หน้าทางเข้าบ้าน คุณยายและชาวบ้านจึง
ได้ช่วยกันหามเข้าบ้าน และได้เล่าเรื่องราวให้ชาวบ้านฟัง ชาวบ้านเล่าว่า
ถ้าใครผ่านวัดร้างคนเดียวไม่เฉพาะกลางคืน กลางวันก็โดนเหมือนกัน
โดนมาลักษณะคล้ายๆกัน และก็โดนกันมาเยอะแล้ว
ปัจจุบันวัดแห่งนี้ก็ยังอยู่แต่เมื่อประมาณ4-5ปีที่ผ่านมา มีพระจากไหนไม่
ทราบมาบูรณะทำเป็นสำนักสงฆ์ ทำให้ความน่ากลัวลดน้อยลงผ่านไปมาก็ไม่
เคยได้ยินว่ามีผีหลอกอีกเลย วัดนี้มีโบสถ์เก่าและมีพระประธานเก่าประดิษฐาน
อยู่ในโบสถ์ด้วย
เป็นเรื่องจริงและสถานที่ยังมีอยู่จริงใครสงสัยอยากเห็นของจริง
เชิญติดต่อมาได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น