ชายท่าทางน่ากลัวที่สถานีรถไฟ

ชายท่าทางน่ากลัวที่สถานีรถไฟ

 เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อฉันรอรถไฟอยู่ในคืนหนึ่ง เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนฉันอายุได้ 15 ปี ฉันต้องการจะนั่งรถไฟไปที่บ้านพ่อในวันหยุดสุดสัปดาห์ ฝนกำลังตกฉันจึงนั่งอยู่ที่ม้านั่งด้านใน ฟังเพลงและผ่อนคลาย จนกระทั่งมีชายหนุ่มอายุราว 20 ปลายๆ มานั่งที่อีกด้านของม้านั่ง ชายหนุ่มมีผมสีดำสนิทที่เปียกซกดูยุ่งเหยิง เขาสวมชุดผ้าสักหลาดสีแดง และรองเท้าคอนเวิร์สข้อสูงสีเหลืองที่ดูแล้วเข้ากับชุดได้อย่างน่าประหลาด เขาสวมใส่สิ่งที่ฉันคิดว่าน่าจะเรียกว่า ปอนโช
ชายหนุ่มพึมพำบางอย่างกับตัวเองจากนั้นก็หันมามองที่ฉันและจับได้ว่าฉันกำลังมองเขาอยู่ เขามองมาด้วยสายตาน่ากลัวจากนั้นก็มองไปที่รองเท้าตัวเอง ฉันเริ่มรู้สึกกลัวตั้งแต่ที่เขามองมา เหมือนเป็นเรื่องง่ายมาก ถ้าเขาจะทำอะไรกับฉัน ฉันจึงตัดสินใจว่าจะเลิกจ้องมองท่าทางแปลกๆ ของเขาแล้วสนใจแค่มือถือของตัวเอง ตอนนี้น่าจะประมาณสามทุ่มแล้ว
ขอย้อนความว่า ฉันได้เรียกอูเบอร์จากโรงเรียนให้มาส่งที่สถานีรถไฟ ละครเวทีของโรงเรียนจบตอนสองทุ่มครึ่ง รถไฟจะมาถึงประมาณสามทุ่มสิบเจ็ดนาทีหรือราวๆ นั้น ฉันจึงตัดสินใจรอที่นี่เพราะต้องรอแค่ 10 นาทีเท่านั้น เลยไม่ได้ให้อูเบอร์ไปส่งถึงบ้าน แม่ของฉันก็มารับไม่ได้เพราะว่าต้องไปทานมื้อเย็นกับคุณยาย
มากลับเข้าเรื่องต่อ หลังจากนั้นไม่นานฉันก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ชายหนุ่มคนนั้นเริ่มพึมพำมากขึ้นๆ ฉันจึงตัดสินใจย้ายไปนั่งที่ม้านั่งตัวอื่น เพิ่งจะนั่งลงฉันก็เห็นสัญญาณแจ้งว่ารถไฟจะมาสายประมาณ 20-30 นาทีเพราะฝนตก เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเดินไปแถวๆ ร้านขายแซนวิช ใช้เวลาเดินเพียงประมาณหนึ่งนาทีก็มาถึง ฉันสั่งแซนวิชมาหหนึ่งชิ้น และหาที่นั่ง หลังจากจัดการแซนวิชไปได้เพียงครึ่งชิ้น ฉันก็เห็นชายที่นั่งอยู่ในสถานีเดินเข้าร้านมา เขาสั่งสลัดและนั่งลงตรงข้ามกับฉันพอดี ดวงตาเขาจ้องเขม็งมาที่ฉัน แม้ว่าฉันจะไม่ได้มองแต่ก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังจ้องมองมา มันเหมือนกับฉากในหนังสยองขวัญเรื่อง “Terrifyer” ที่มีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านอาหารและมีฆาตกรจ้องมอง หลังจากเขาจ้องมองฉันได้เกือบนาทีก็เริ่มลงมือกินสลัดในจาน ฉันไม่รู้ว่าทำไมแต่พอเขาเริ่มหยิบส้อมบนโต๊ะ ฉันก็เผลอปัดโดนสายหูฟังหลุดจากมือถือ เสียงเพลงจึงดังออกมาจากลำโพงแต่ก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว ฉันจำไม่ได้ว่าเป็นเพลงอะไร แต่ชายคนนั้นก็จ้องมาที่ฉันแล้วเอ่ยปากถาม “เธอก็ชอบวงนี้ด้วยหรอ?” ฉันรู้สึกประหลาดใจมากที่เขาเอ่ยปากถามเพราะเห็นเขาเอาแต่จ้องมองฉันอย่างเดียวมาตลอด ฉันจึงตอบกลับไปว่า “เอ่อ ใช่” เขามองฉันแล้วทำท่าอยากจะพูดบางอย่าง แต่ฉันหยิบของทุกอย่างบนโต๊ะแล้วรีบเดินไปที่ประตูทางออก
ได้ยินชายหนุ่มทำเสียงน่ารำคาญบางอย่างแล้วเดินตามมาด้านหลัง ฉันจึงเร่งฝีเท้าขึ้นจนออกมาจากร้านได้ ขณะกำลังเดินเร็วๆ กลับไปที่สถานีชายคนนั้นก็ยืนมือมาแตะที่ไหล่ ฉันไม่ได้หยุดเพียงลดความเร็วลงชายคนนั้นจึงมาเดินอยู่ด้านข้าง ฉันจำไม่ค่อยได้ว่าคุยอะไรกันบ้าง แต่นี่เป็นสิ่งที่ฉันพอจำได้
  • ชายหนุ่ม : เธอกำลังจะไปไหน?
  • ฉัน : สถานีรถไฟ
  • ชายหนุ่ม : ฉันขับรถไปส่งเธอได้นะ
  • ฉัน : งั้นแล้วทำไมคุณไปนั่งอยู่ในสถานีล่ะ?
  • ชายหนุ่ม : เธอหมายความว่ายังไง?
  • ฉัน : คุณมานั่งม้านั่งตัวเดียวกับฉันไง เราสบตากันด้วย
  • ชายหนุ่ม : นั่นไม่ใช่ฉัน
  • ฉัน : คุณนั่นแหละ
  • ชายหนุ่ม : เธออยากนั่งรถไฟ?
  • ฉัน : ใช่
  • ชายหนุ่ม : ไม่เอาน่า เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง พวกเราจะได้ใช้เวลาด้วยกันไง ฉันหมายถึง ทำไมเด็กผู้หญิงอย่างเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?
  • ฉัน : ให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ ฉันไม่เป็นไร
ฉันเดินเข้าสถานีรถไฟและนั่งรอที่ม้านั่ง ไม่ได้มองว่าชายหนุ่มไปทางไหน หลังจากนั้นไม่กี่นาที ชายหนุ่มก็มานั่งที่อีกด้านของม้านั่ง ฉันลุกขึ้นเดินไปม้านั่งตัวอื่น ได้ยินชายคนนั้นตะโกนบางอย่างใส่ จึงตัดสินใจว่า พอแล้ว และเดินออกมาที่ถนนเพื่อโทรบอกให้พี่ชายมารับฉันไปบ้านพ่อ ขณะเสียงรอสายดังชายหนุ่มก็มาอยู่ด้านหลังและฉกเอามือถือออกจากมือของฉันไป ฉันรีบไปแย่งมือถือคืน แต่เขาก็หลบได้ เสียงของพี่ชายดังออกมาจากลำโพงว่าสวัสดีหรืออะไรบางอย่าง ฉันได้โอกาสเตะชายคนนั้นแล้วแย่งมือถือกลับคืนมาได้ ฉันรีบวิ่งหนีห่างไปสองบล็อกทันที แล้วรีบบอกให้พี่ชายมารับโดยด่วน ไม่นานพี่ชายก็มารับฉัน เรื่องก็จบลง แต่มือถือของฉันมีคราบเมือกอะไรสักอย่างหลังจากที่ชายคนนั้นจับ และฉันก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย


สนับสนุนโดย www.lovelyglasses.com/love/

ไม่มีความคิดเห็น:


แสดงความคิดเห็น



ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม