ตายแล้วฟื้น
ตายแล้วฟื้น
เรื่องเล่าจากลูกค้า เรื่องนี้ลูกค้าเล่าให้ฟังว่า ในสมัยก่อนที่เขายังเด็ก อายุประมาณ10 ขวบ
ครอบครัวมีพ่อ แม่ ตัวเขา(ตอนนี้อายุ 70กว่า) และน้องอีกคน ในตอนกลางคืนของคืนหนึ่ง
แม่ของเขาตายคือหยุดหายใจไปแล้ว สมัยก่อนก็จุดตะเกียงน้ำมันก๊าดแล้วก็นั่งเฝ้าศพแม่
อยู่อย่างนั้นดึกแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร นั่งเฝ้าไปกะเวลาได้ประมาณ 1ชั่วโมงเศษ เห็นสิ่งผิดปกติ
เกิดขึ้นกับศพแม่นิ้วเริ่มเคลื่อนไหวได้ เล็กน้อยและได้ยินเสียงเบาๆ เขาจึงเอาหูไปแนบที่หน้าอก
จึงได้ยินเสียงแม่พูดเบามากว่าหิวน้ำ เขาจึงเอาน้ำไปแตะที่ปากแม่ที่ละน้อยประครองแม่ลุกนั่ง
จนเช้าก็เป็นอันว่าแม่ไม่ตายฟื้นแล้วแต่แม่ไม่พูดอะไร ใช้ชีวิตปกติเรื่อยมา
จนกระทั่งหลังจากนั้น 2ปีแม่จึงเล่าให้ฟังว่า หลังจากหมดสติหรือตายไปแล้ว มีผู้ชาย3 คนแต่งตัว
ด้วยนุ่งผ้าเตี่วยสีแดงผืนเดียว ไม่ใส่เสื้อ ปรากฎแว็บขึ้นมาเลยข้างๆตัว แล้วพยุงแขนทั้ง2ข้างพาไป
ที่ไหนยังไม่รู้ไม่ได้เดิน แต่ไปเรื่อยๆระหว่างทางเห็นมีของกินอาหารขนมต่างๆมากมาย คนที่พามา
บอกว่านี่เป็นของที่แกทำบุญใส่บาตรไว้ แต่ยังไม่ให้กิน ให้ไปก่อน ไปเรื่อยๆก็เจอคนที่ตายไปแล้ว
ทักทายพูดคุยเขาก็เฉยเหมือนไม่ได้ยิน ก็เลยไม่ได้คุยกัน
จนมาถึงห้องโถงที่ใหญ่มากมีผู้คนเยอะแยะมากมายนั่งรวมกันอยู่ในนั้น ชายที่พามาก็ให้เข้าไปนั่ง
รวมกับคนอื่นๆ ในห้องนั้นยังมีอีกคนหนึ่งอยู่หน้าห้อง คนๆนี้ตัวใหญ่มากขนาดรูสะดือเอากำปั้นยัด
เข้าไปได้เลย แต่งตัวด้วยผ้านุ่งสีแดงลำตัวส่วนบนห้อยสร้อยสังวาลย์ไขว้กันที่หน้าอก บนหัว
ใส่คล้ายๆชฎา ข้างๆจะมีโต๊ะตัวใหญ่วางสมุดเล่มใหญ่พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย พูดเสียงดังมีอำนาจมากทุก
คนเงียบกริบ จะตอบเพียงคำถามที่ชายคนนั้นถามเท่านั้น
พนักงานจะเปิดสมุดช่วยเรียก ขานชื่อที่ละคน แล้วจะถูกสอบถามด้วยคำถามต่างๆเช่น ชื่ออะไร
บ้านอยู่ไหนเป็นอะไรตาย เมื่อถามคำถามเสร็จก็จะถูกพิพากษาโดยคนต้วใหญ่คนนั้น เมื่อพิพากษาว่า
ให้ไปไหนรับโทษหรือเสวยบุญ ไปสวรรรค์หรือลงนรก แว็บเดียวเท่านั้นวิญญาณดวงนั้นก็จะหายไป
ทันที ไม่ต้องมีคนพาไปเหมือนตอนมา หายไปๆที่ละคนๆเหมือนพิพากษาไปที่ละคนจนหมด
เหลือแม่เขาอยู่เพียงคนเดียวแล้วก็ถูกขานชื่อ ปัญหาเกิดทันทีเมื่อขานนามสกุล นามสกุลมัน
ไม่ใช่นามสกุลแม่ คนตัวใหญ่ก็ถามชื่ออีกครั้ง ชื่อใช่ ถามนามสกุลตามสมุดบันทึกแม่ตอบว่าไม่ใช่
เท่านั้นแหละคนตัวใหญ่ก็บอกว่าเอามาผิดตัวให้รีบเอาไปคืน คนนี้ยังไม่ถึงเวลา แต่ให้เวลาอีก13 วัน
จะกลับมาเจอกันอีก จบคำพูดเท่านั้นชาย2 คนก็ผุดขึ้นมา(ไม่ได้เดินมา)ข้างๆเข้ามาจับแขนคนละข้าง
แล้วเหวี่ยงแม่ที่เดียว มารู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่ที่บ้านแล้ว รู้สึกคอแห้งจึงเรียกขอน้ำกิน จนถึงเช้าแม่ก็
ไม่พูดอะไรแค่บอกว่าเขาให้มา 13 วัน หลังจากนั้น ทุกคนที่บ้านก็กังวลนับวันถอยหลังไปที่ละวันๆ
จนครบจำนวน13 วันตามที่แม่เล่าให้ฟังว่าเขาให้มา13 วัน และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง ทุกคนกังวลมาก
เฝ้าแม่ทั้งวัน แต่วันนั้นก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย แล้วก็ผ่านวันนั้นไปอย่างปลอดภัย แม่ยังอยู่
แม่อยู่มาเรื่อยๆจนถึง8 ปีแม่ถึงเสียชีวิต เท่ากับว่า 1 วันในโลกโน้นเกือบๆ 1ปีในโลกมนุษย์
เวลาช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน ปัจจุบัน(พศ.2563)คนเล่ายังมีชีวิตอยู่
ด้วยนุ่งผ้าเตี่วยสีแดงผืนเดียว ไม่ใส่เสื้อ ปรากฎแว็บขึ้นมาเลยข้างๆตัว แล้วพยุงแขนทั้ง2ข้างพาไป
ที่ไหนยังไม่รู้ไม่ได้เดิน แต่ไปเรื่อยๆระหว่างทางเห็นมีของกินอาหารขนมต่างๆมากมาย คนที่พามา
บอกว่านี่เป็นของที่แกทำบุญใส่บาตรไว้ แต่ยังไม่ให้กิน ให้ไปก่อน ไปเรื่อยๆก็เจอคนที่ตายไปแล้ว
ทักทายพูดคุยเขาก็เฉยเหมือนไม่ได้ยิน ก็เลยไม่ได้คุยกัน
จนมาถึงห้องโถงที่ใหญ่มากมีผู้คนเยอะแยะมากมายนั่งรวมกันอยู่ในนั้น ชายที่พามาก็ให้เข้าไปนั่ง
รวมกับคนอื่นๆ ในห้องนั้นยังมีอีกคนหนึ่งอยู่หน้าห้อง คนๆนี้ตัวใหญ่มากขนาดรูสะดือเอากำปั้นยัด
เข้าไปได้เลย แต่งตัวด้วยผ้านุ่งสีแดงลำตัวส่วนบนห้อยสร้อยสังวาลย์ไขว้กันที่หน้าอก บนหัว
ใส่คล้ายๆชฎา ข้างๆจะมีโต๊ะตัวใหญ่วางสมุดเล่มใหญ่พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย พูดเสียงดังมีอำนาจมากทุก
คนเงียบกริบ จะตอบเพียงคำถามที่ชายคนนั้นถามเท่านั้น
พนักงานจะเปิดสมุดช่วยเรียก ขานชื่อที่ละคน แล้วจะถูกสอบถามด้วยคำถามต่างๆเช่น ชื่ออะไร
บ้านอยู่ไหนเป็นอะไรตาย เมื่อถามคำถามเสร็จก็จะถูกพิพากษาโดยคนต้วใหญ่คนนั้น เมื่อพิพากษาว่า
ให้ไปไหนรับโทษหรือเสวยบุญ ไปสวรรรค์หรือลงนรก แว็บเดียวเท่านั้นวิญญาณดวงนั้นก็จะหายไป
ทันที ไม่ต้องมีคนพาไปเหมือนตอนมา หายไปๆที่ละคนๆเหมือนพิพากษาไปที่ละคนจนหมด
เหลือแม่เขาอยู่เพียงคนเดียวแล้วก็ถูกขานชื่อ ปัญหาเกิดทันทีเมื่อขานนามสกุล นามสกุลมัน
ไม่ใช่นามสกุลแม่ คนตัวใหญ่ก็ถามชื่ออีกครั้ง ชื่อใช่ ถามนามสกุลตามสมุดบันทึกแม่ตอบว่าไม่ใช่
เท่านั้นแหละคนตัวใหญ่ก็บอกว่าเอามาผิดตัวให้รีบเอาไปคืน คนนี้ยังไม่ถึงเวลา แต่ให้เวลาอีก13 วัน
จะกลับมาเจอกันอีก จบคำพูดเท่านั้นชาย2 คนก็ผุดขึ้นมา(ไม่ได้เดินมา)ข้างๆเข้ามาจับแขนคนละข้าง
แล้วเหวี่ยงแม่ที่เดียว มารู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่ที่บ้านแล้ว รู้สึกคอแห้งจึงเรียกขอน้ำกิน จนถึงเช้าแม่ก็
ไม่พูดอะไรแค่บอกว่าเขาให้มา 13 วัน หลังจากนั้น ทุกคนที่บ้านก็กังวลนับวันถอยหลังไปที่ละวันๆ
จนครบจำนวน13 วันตามที่แม่เล่าให้ฟังว่าเขาให้มา13 วัน และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง ทุกคนกังวลมาก
เฝ้าแม่ทั้งวัน แต่วันนั้นก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย แล้วก็ผ่านวันนั้นไปอย่างปลอดภัย แม่ยังอยู่
แม่อยู่มาเรื่อยๆจนถึง8 ปีแม่ถึงเสียชีวิต เท่ากับว่า 1 วันในโลกโน้นเกือบๆ 1ปีในโลกมนุษย์
เวลาช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน ปัจจุบัน(พศ.2563)คนเล่ายังมีชีวิตอยู่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น