เรื่องลึกลับจากวัดกลางทุ่ง
เรื่องลึกลับจากวัดกลางทุ่ง
วันนี้มีลูกคัาประจำท่านหนึ่งชื่อพี่นางมาตัดแว่นที่ร้านโดยทำแว่นใหม่ 1คู่ และซ่อมอันเก่าที่หักอีก 1 คู่
หลังจากวัดสายตาเลือกกรอบแว่นได้ถูกใจบอกราคาเสร็จเรียบร้อยส่งแ่วนพร้อมค่าสายตาให้ช่างไปทำการตัดแล้ว ก็น้่งคุยกันไปเรื่อยๆสัพเพเหระเพื่อรอเวลาตัดแว่นเสร็จแล้วรับแว่นไปเลย คุยไปคุยมาก็มาลงที่เร่ิ่องเงิน พี่นางก็บ่นนั่นนี่โน่นไปเรื่อยๆ แล้วก็เล่าว่า จะทำบุญโคมไฟโดยรวมกับเพื่อนๆไม่มีการเร่ียไรใครอยากทำบุญโคมไฟก็ช่วยกันออกเงินได้เงินมาจำนวนหน่ึ่งก็ไปซ้ื้อโคมไฟได้ช่อหน่ึง เม่ิ่อได้โคมไฟมาแล้วพี่นางก็บอกให้ลูกชายไปขับรถของวัดซึ่งเป็นรถหกล้อมาเอาโคมไฟที่บ้าน(นครนายก)
แต่รถก็มาไม่ถึงยางแตกก่อนจึงเอารถกลับ ไม่ได้เอาโคมไฟไป
อีกครั้งหน่ึ่งให้คนมาเอาคนก็ป่วยไม่สามารถมาได้ จึงได้โทรศัพท์ไปบอกหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่าเขา
ให้เอามาถวายด้วยตัวเอง ซึ่งก็ตรงกับความคิดของเราที่แหย่ๆพี่นางไปว่า เขาคงอยากให้พี่นางไปถวายด้วยตัวเองมั้ง
เราเลยถามพี่นางว่าไปวัดไหนไกลมั้ย เขาบอกช่ื่อวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน แต่ตัววัดอยู่กลางทุ่งนา พี่นางเลยเล่าประวัติวัดนี่้ให้ฟัง ว่าบริเวณนี้เป็นวัดเก่าหมู่บ้านโบราณแต่ตอนนี้ไม่มีแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่5 ก่อนที่หลวงพ่อจะมาอยู่ที่นี่ได้ฝันว่ามีคนชวนมาสร้างวัด ท่าตอบว่าไปได้อย่างไรไม่มีเงิน
ในฝันเขาบอกว่าไปเถอะเดี๋ยวก็มีเอง พอตื่นมาก็มาคิดว่าฝันเป็นอะไรมีเงินติดตัวแค่ 700 บาทจะสร้างวัดได้อย่างไร ในฝันเขาบอกตำแหน่งให้ไปว่าตรงไหนซ่ึ่งก็เป็นที่ตั้งวัดในปัจจุบันนี้
หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านก็ธุดงค์ไปตามในฝันไปปักกลดที่นานอกหมู่บ้านได้ 3 วันก็มีชาวบ้านคน
หน่ึ่ง มาถวายที่ดิน 3 ไร่เพ่ือให้หลวงพ่อสร้างวัด ชาวบ้านเล่าว่าที่ดินของเขาผืนนี้ทำนาก็ไม่ได้ข้าวทำอย่างอื่นก็ไม่ได้กิน สร้างบ้านก็อยู่ไม่ได้ไม่มีความสุข ก็เลยนำมาถวายพระสร้างวัด หลวงพ่อก็รับไว้
แล้วเริ่มสรา้งที่ละน้อยเร่ือยๆมาจนเสร็จ
ที่วัดแห่งนี่จะมีการสวดมนต์ข้ามคืนทุกเดือนๆละครั้ง ซึ่งพี่นางก็ไปเป็นประจำมาหลายปีแล้ว
ก่อนไปก็ไม่ได้รู้จักมาก่อนไปตามคนอื่นเขาแล้วติดใจ พี่นางเล่าว่าก็เป็นวัดธรรมดาๆนี่แหละคนในหมู่บ้านก็มีไม่มาก มีอยู่ปีหน่ึ่งเอารถตู้ไป ไปกันประมาณ 10 คนพอไปถึงวัดเกือบทุ่มแล้ว ราวๆประมาณ
2 ทุ่มทางวัดก็จะสวดมนต์ข้ามคืน ตอนนั้นก็มีชาวบ้านทะยอยกันมาเพิ่มเป็น 20 - 30 คน กลุ่มพี่นางไปอาบน้ำไม่นานพอออกมาไม่นานมีคนมาเต็มลานวัดแน่นเอี๊ยดเลย อย่างที่บอกตอนต้นว่าหมู่บ้านนี้มีคน
ไม่เท่าไหร่รวมกับกลุ่มพี่นางอีก 10 กว่าคน แล้วคนที่เหลืออีกมากมายเป็นใครมาจากไหน
ถึงเาลาสวดมนต์เขาก็สวดเสียงดังปกติ ถึงเาลาพักก็จะเฉพาะกลุ่มพี่นางกับชาวบ้านบางคนเท่านั้นที่กินน้ำบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง ส่วนที่เหลือก็นั่งสมาธิหลับตานั่งนิ่งเหมืิอนต้นไผ่ไม่ไปไหนเลย พี่นางบอกว่าจะเห็นเขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่ไปสวดมนต์ข้ามคืนที่วัดนี้ พอใกล้สว่างคนเหล่านั้นเขาก็ทยอยถอยกลับออกไปจนเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น พี่นางเล่าว่าเขาเคยเห็นว่าคนเหล่านั้นขึ้นมาจากสระน้ำและกลับลงสระน้ำไปด้วย มีครั้งหน่ึงเคยเล่าให้เพ่ื่อนในกลุ่มฟังว่าเขาขึ้นมาจากสระและจะพาเพ่ือนไปดู แต่ไปไม่ถึงถูกแมงป่องต่อยซะก่อน พิษเจ็บปวดมากและขาก็บวม ใหญ่เท่าขาช้างเลย พี่นางบอกเพ่ือนๆว่าถูกแมงป่องต่อย เพ่ือนๆถามว่าตรงไหน พอเอาไฟฉายส่องดูก็ไม่เห็น เห็นแต่ใบไม้ ใครๆส่องก็ไม่เห็น แต่พอเอาไฟฉาย 3 กระบอกส่องไปจุดเดียวกันเท่านั้นแหละเจอเลยแมงป่องตาแดงตัวใหญ่มากก็เลยพากันกลับเข้าศาลาเลยอดดูทางขึ้นลงของชาวบา้นเหล่านั้นเลย พวกเขาคงรู้ว่ามีคนตามดูพวกเขา ก็เลยสร้างอุปสรรคขึ้นมาขัดขวางไว้มั้ง
พอปีถัดมาไปอีกพี่นางบอกเพ่ือนว่าคอยจับตาดูคนกลุ่มนั้นไว้นะเวลาเขากลับออกไปหลังจากสวดมนต์เสร็จ เพ่ือนๆก็คอยดูพอเขาเดินไปก็เดินตามห่างๆ ไม่ให้เขารู้พอถึงต้นไม้ใหญ่เขาจะเลี้ยวขวา
กลุ่มเพื่อนพี่นางก็ไปทางซ้ายกลัวเขารู้ว่าตามเขา กะว่าจะอ้อมต้นไม้ไปดักข้างหน้าเขา แต่พอเดินอ้อมต้นไม้ไปก็ไม่เจอเขาแล้ว หายไปหมดแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าเขามาจากไหนและกลับไปทางไหน จะมีก็แต่พี่นางคนเดียวเท่านั้นที่รู้และเห็นเขาข้ึ้นและลงสระน้ำ คนพวกนี้เขามีของมาฝากคนจากที่อื่นที่ไปสวดมนต์ข้ามคืนที่วัดด้วย เช่น ผ้า หมอน พี่นางได้ผ้ามาผืนหนึ่งเนื้อนิ่ม เบา และมีกลิ่นหอม ลื่นๆคล้ายผ้าไหม แต่พี่นางบอกว่าไม่ใช่ไหมบ้านเราในปัจจุบัน ปัจจุบันนี้พี่นางยังเก็บผ้าผืนนั้นไว้บนหิ้งพระที่บ้าน
ระหว่างสวดมนต์หรือตอนพักพวกเขาจะไม่คุยกันแต่คุยกับกลุ่มพี่นางและคนอื่นๆ ตอนที่เขามาและเอาของมาฝาก พี่นางได้ถามเขาว่าบ้านอยู่ไหน เขาก็บอกชื่อนามสกุล บ้านเลขที่ ตำบล อำเภอ
ให้รู้ แถมบอกเบอร์โทรศัพท์ด้วย พี่นางก็ได้ไปถามชาวบ้านคนที่มาทำบุญว่ามีคนชื่อนี้ บ้านเลขที่นี้
อยู่ที่ไหน ชาวบ้านบอก นามสกุลมี บ้านเลขที่มี แต่ไม่มีคนช่ือนี้ ช่ือนั้น หมู่บ้านนั้นและบ้านเลขที่นั้นมันเป็นหมู่บ้านโบราณใกล้ๆแถวนั้นแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว พี่นางก็เลยลองโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่เขาให้ไว้
ปรากฏว่าเบอร์นี้ยังไม่เปิดให้บริการ เมื่อกลับมาแล้วหวยออกเบอร์โทรศัพท์ที่เขาให้ไว้ 099
ปีถัดมาก็ไปสวดมนต์ข้ามคืนกันอีก อย่างที่บอกแล้วว่าบริเวณวัดนั้นเป็นหมู่บ้านโบราณตั้งแต่
สมัยรัชกาลที่5 จะมีชาวบ้านที่จะเรียกว่าลึกลับก็ได้นำเอาสิ่งของมีค่ามาถวายหลวงพ่ออยู่เป็นประจำ
และเยอะมาก เช่น ถ้วยชาม เครื่องใช้ พระพุทธรูป เคร่ืองประดับต่างๆ หลวงพ่อได้เก็บรักษาไว้ที่วัด
ที่สำคัญตอนที่สร้างโบสถ์มีคนถวายพระพุทธรูปใหญ่พอสมควร หลวงพ่อก็ได้นำไปไว้ในโบสถ์แล้วสร้างพระพุทธรูปปูนปั้นทับไว้อีกองค์หนึ่งด้านนอก ของเก่าอยู่ด้านใน ปัจจุบันยังอยู่ในโบสถ์ ถึงแม้
เขาจะถวายพระแล้ว แต่เขาก็ยังมีคนตามมาเฝ้าอีก พี่นางเล่าว่าจะเข้าไปหาหลวงพ่อก็มีคนแก่อายุประมาณ 70 ปี ผิวขาวเหลืองหนังไม่เหี่ยวหน้าไม่ย่น เดินสวนประตูออกมา ถามพวกพี่นางว่าจะไปไหน
พี่นางบอกจะเข้าไปชมบารมีหลวงพ่อ ชายแก่คนนั้นจึงบอกว่า หลวงพ่อจำวัดอยู่ตื่นแล้วค่อยมา
พี่นางพอรู้ว่าเขาเป็นใครก็เลยไม่ดิ้อรั้นเข้าไปจึงได้พากันถอยกลับ เพราะไม่รู้ว่าเขาทาหรือพ่นพิษไว้
ตามประตูทางเข้าหรือเปล่า ถ้ารั้นเข้าไปอาจโดนพิษเข้า จะทำให้เจ็บปวด ไม่สบายได้ พวกเขาก็ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไปนี่แหละ แต่ไม่รู้ไม่เห็นที่มาที่ไปเท่านั้นแหละ
มีคืนหนึ่งนอนหลับอยู่ที่บ้านที่นครนายก ก็ฝันว่าได้ไปที่ถ้ำแห่งหนึ่งที่ไม่เคยรู้จัก ตื่นขึ้นมาจำ
เส้นทางได้แม่นยำเลยบอกลูกชายขับรถไปให้โดยพี่นางเป็นคนบอกเส้นทางไปตลอด ไปกัน4 คนมี
พี่นาง ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลาน เดินทางโดยรถกระบะ โดยพี่นางได้โทรศัพท์นัดกับเพื่อนๆอีก2
รถตู้จากสระแก้วจะไปพิสูจน์ว่ามีจริงไหม นัดแนะเจอกันที่ปั๊มนำ้มันแห่งหนึ่งแล้วขับรถไปเร่ือยๆเถียงกับ
ลูกชายเรื่องเส้นทางไปเร่ือยๆจนหลงทาง แล้วอยู่ๆหลวงพ่อก็โทรศัพท์มาถามว่าถึงไหนแล้วคนที่นัดไว้เขารออยู่ปั๊มนำ้มันแลัวนะ ก็เลยถอยรถกลับออกมาจากทางที่หลงเข้าไปขับไปสักพักก็ถึงปั๊มและเจอ
กลุ่มที่นัดกันไว้แล้วขับต่อไปทางเป็นป่ามืดเพราะไปถึงเกือบมืดแล้ว ขับตามทางเล็กๆเข้าไปในป่าอีกประมาณ3 กม. ก็ถึงถำ้
ถึงถำ้้ก็มืดแล้ว กลุ่มที่มารถตู้บอกนอนในถำ้ไม่ได้ หนาว และไม่มีมุ้งจะขอออกไปนอนโรงแรมข้างนอก พี่นางกับลูกก็คิดว่านอนไม่ได้เหมือนกัน หลวงพ่อเดินมาบอกให้นอนที่นี่แหละแล้วก็เดินไป
พี่นางก็มาคิดว่าจะนอนอย่างไรหนาวด้วยมุ้งก็ไม่มี สักพักหลวงพ่อก็เดินมาบอกอีกว่า นอนที่นี่แหละอย่าออกไปนะจะไม่พ้นป่าเพราะมืดแล้ว ทำนองว่าจะหลงทาง พี่นางก็ยังไม่ตัดสินใจออกไป แต่เพื่อน
กลุ่มรถตู้ออกไปแล้ว หลวงพ่อก็กลับมาอีกพร้อมมุ้งหนึ่งหลังยื่นให้แล้วบอกว่านอนนี่แหละ พี่นางก็เลยกางมุ้งนอนกัน 4 คน อากาศหนาวแต่ไม่หนาวมุ้งก็ไม่มี แต่ก็นอนหลับสบาย
หลับไปก็ฝันว่าได้ลงไปในนำ้ และลงจากใต้นำ้ลึกลงไปอีกก็เป็นถ้ำเหมือนห้องโถงใหญ่ๆมีสมบัติมีค่ามากมาย แล้วเดินไปเรื่อยๆจนถึงแท่นๆหนึ่งมีพญานาคสีขาวอมเทาๆใหญ่มากอยู่ 1 ตัว ก็เดินเข้าไปหา พญานาคก็คายเมือกใส่ตั้งแต่หัวลงมาทั้งตัวกลื่นเหม็นมากแทบเป็นลม แล้วก็ตื่นขึ้นมาเช้าพอดี
ตอนหลับอยู่ลูกชายบอกว่าจับตัวแม่เย็นมาก แล้วก่อนแม่ตื่นหลวงพ่อเดินมาถามว่าแม่กลับมาหรือยัง
ลูกตอบว่าแม่อยู่นี่ไม่ได้ไปไหน หลวงพ่อเลยพูดว่าต่ืนได้แล้วโยม อย่ามัวฝันหวานอยู่เลย ก็พอดีกับที่่
แม่ตื่นขึ้นมาพอดี แล้วหลวงพ่อก็เอาใบตองกับเคร่ืองต่างๆมาวางลงบอกพี่นางว่าให้ทำบายศรีขึ้นไปรับแสงตะวัน พี่นางบอกว่าไม่เคยทำบายศรีทำไม่เป็น หลวงพ่อบอกว่าเอาไปทำเถอะ สักพักพี่นางก็ลองทำดูและทำเสร็จออกมาได้อย่างสวยงาม แล้วหลวงพ่อบอกว่าจะเอาขึ้นไปบนยอดเขาใครจะตามมาก็ได้ แต่ห้ามผู้หญิงขึ้น พี่นางเลยบอกลูกชายถือบายศรีตามหลวงพ่อขึ้นไปบนยอดเขา เดินขึ้นไปไกลเหมือนกันลูกชายบอกว่าเดินไปพอถึงยอดเขามองไปรอบๆมีแต่นำ้ทั้งนั้นเลยทั้งๆทีเดินขึ้นไปจากถำ้ที่นอนกันตอนกลางคืนก็ปกติดี แต่ทำไมมีน้ำอยู่สูงกว่าถ้ำ ระหว่างทางที่เดินไปก็เห็นอะไรหลายๆอย่าง
แต่พูดไม่ได้ หลวงพ่อบอกเห็นแล้วห้ามพูดต่อจะเป็นภัยแก่ตัวเอง ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงบัดนี้ลูกชายพี่นางก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่าเห็นอะไรมาบ้าง ชีวิตการงานและเร่ืองต่างๆก็ดำเนินไปได้ดีขึ้นเร่ือยๆ
ตอนหลังหลวงพ่อมาถามพี่นางว่าได้เห็นอะไร เห็นมาแล้วใช่ไหม แต่อย่าไปเล่าต่อนะ ที่เขาทำให้น่ะเป็นการล้างพิษต่างๆที่จะมาทำร้ายร่างกายเรา แล้วหลวงพ่อรู้ได้อย่างไรว่าพี่นางฝันอะไร ไปไหนมา ทำอะไรบ้าง หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้าที่พี่นางกับคณะจะไปที่ถ้ำมีพระกับเณรมาที่ถ้ำนี้แล้วหายไปเฉยๆ ไม่มีใครพบอีกเลย ประมาณว่าถูกขังไว้ออกมาไม่ได้เหมือนถูกลงโทษ เป็นหรือตายไม่มีใครพบเห็นออกมาอีกเลย
หลังจากนั้นมาพี่นางก็ยังไปสวดมนต์อยู่เรื่อยๆทุกปีที่มีโอกาสไปได้ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พี่นางเล่าให้ฟัง ฟังแล้วเอา 2 เร่ืองมารวมกันเหมือนเป็นเร่ืองเกี่ยวกันนะ บริเวณวัดเป็นนามีน้ำ ผู้คนขึ้นมาจากสระมาสวดมนต์ข้ามคืน และพี่นางไปนอนที่ถำ้ที่ตัวเองเห็นในฝันแล้วฝันว่าลงไปเจอพญานาคและเห็นของมีค่ามากมาย คงเป็นบุญเก่าที่ทำมาในอดีตจึงทำให้เจอสิ่งต่างๆที่คนอื่นไม่มีโอกาสได้พบเจอ สาธุ
เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน
ขอบคุณพี่นางและสิ่งต่างๆหรืออะไรก็ตามที่ไม่สามารถพูดได้ ขอบคุณอีกครั้ง!!!!!!!!!!!!
พบกันใหม่ในบทความต่อไป
สนับสนุนโดย
วันนี้มีลูกคัาประจำท่านหนึ่งชื่อพี่นางมาตัดแว่นที่ร้านโดยทำแว่นใหม่ 1คู่ และซ่อมอันเก่าที่หักอีก 1 คู่
หลังจากวัดสายตาเลือกกรอบแว่นได้ถูกใจบอกราคาเสร็จเรียบร้อยส่งแ่วนพร้อมค่าสายตาให้ช่างไปทำการตัดแล้ว ก็น้่งคุยกันไปเรื่อยๆสัพเพเหระเพื่อรอเวลาตัดแว่นเสร็จแล้วรับแว่นไปเลย คุยไปคุยมาก็มาลงที่เร่ิ่องเงิน พี่นางก็บ่นนั่นนี่โน่นไปเรื่อยๆ แล้วก็เล่าว่า จะทำบุญโคมไฟโดยรวมกับเพื่อนๆไม่มีการเร่ียไรใครอยากทำบุญโคมไฟก็ช่วยกันออกเงินได้เงินมาจำนวนหน่ึ่งก็ไปซ้ื้อโคมไฟได้ช่อหน่ึง เม่ิ่อได้โคมไฟมาแล้วพี่นางก็บอกให้ลูกชายไปขับรถของวัดซึ่งเป็นรถหกล้อมาเอาโคมไฟที่บ้าน(นครนายก)
แต่รถก็มาไม่ถึงยางแตกก่อนจึงเอารถกลับ ไม่ได้เอาโคมไฟไป
ให้เอามาถวายด้วยตัวเอง ซึ่งก็ตรงกับความคิดของเราที่แหย่ๆพี่นางไปว่า เขาคงอยากให้พี่นางไปถวายด้วยตัวเองมั้ง
เราเลยถามพี่นางว่าไปวัดไหนไกลมั้ย เขาบอกช่ื่อวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน แต่ตัววัดอยู่กลางทุ่งนา พี่นางเลยเล่าประวัติวัดนี่้ให้ฟัง ว่าบริเวณนี้เป็นวัดเก่าหมู่บ้านโบราณแต่ตอนนี้ไม่มีแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่5 ก่อนที่หลวงพ่อจะมาอยู่ที่นี่ได้ฝันว่ามีคนชวนมาสร้างวัด ท่าตอบว่าไปได้อย่างไรไม่มีเงิน
ในฝันเขาบอกว่าไปเถอะเดี๋ยวก็มีเอง พอตื่นมาก็มาคิดว่าฝันเป็นอะไรมีเงินติดตัวแค่ 700 บาทจะสร้างวัดได้อย่างไร ในฝันเขาบอกตำแหน่งให้ไปว่าตรงไหนซ่ึ่งก็เป็นที่ตั้งวัดในปัจจุบันนี้
หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านก็ธุดงค์ไปตามในฝันไปปักกลดที่นานอกหมู่บ้านได้ 3 วันก็มีชาวบ้านคน
หน่ึ่ง มาถวายที่ดิน 3 ไร่เพ่ือให้หลวงพ่อสร้างวัด ชาวบ้านเล่าว่าที่ดินของเขาผืนนี้ทำนาก็ไม่ได้ข้าวทำอย่างอื่นก็ไม่ได้กิน สร้างบ้านก็อยู่ไม่ได้ไม่มีความสุข ก็เลยนำมาถวายพระสร้างวัด หลวงพ่อก็รับไว้
แล้วเริ่มสรา้งที่ละน้อยเร่ือยๆมาจนเสร็จ
ที่วัดแห่งนี่จะมีการสวดมนต์ข้ามคืนทุกเดือนๆละครั้ง ซึ่งพี่นางก็ไปเป็นประจำมาหลายปีแล้ว
ก่อนไปก็ไม่ได้รู้จักมาก่อนไปตามคนอื่นเขาแล้วติดใจ พี่นางเล่าว่าก็เป็นวัดธรรมดาๆนี่แหละคนในหมู่บ้านก็มีไม่มาก มีอยู่ปีหน่ึ่งเอารถตู้ไป ไปกันประมาณ 10 คนพอไปถึงวัดเกือบทุ่มแล้ว ราวๆประมาณ
2 ทุ่มทางวัดก็จะสวดมนต์ข้ามคืน ตอนนั้นก็มีชาวบ้านทะยอยกันมาเพิ่มเป็น 20 - 30 คน กลุ่มพี่นางไปอาบน้ำไม่นานพอออกมาไม่นานมีคนมาเต็มลานวัดแน่นเอี๊ยดเลย อย่างที่บอกตอนต้นว่าหมู่บ้านนี้มีคน
ไม่เท่าไหร่รวมกับกลุ่มพี่นางอีก 10 กว่าคน แล้วคนที่เหลืออีกมากมายเป็นใครมาจากไหน
ถึงเาลาสวดมนต์เขาก็สวดเสียงดังปกติ ถึงเาลาพักก็จะเฉพาะกลุ่มพี่นางกับชาวบ้านบางคนเท่านั้นที่กินน้ำบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง ส่วนที่เหลือก็นั่งสมาธิหลับตานั่งนิ่งเหมืิอนต้นไผ่ไม่ไปไหนเลย พี่นางบอกว่าจะเห็นเขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่ไปสวดมนต์ข้ามคืนที่วัดนี้ พอใกล้สว่างคนเหล่านั้นเขาก็ทยอยถอยกลับออกไปจนเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น พี่นางเล่าว่าเขาเคยเห็นว่าคนเหล่านั้นขึ้นมาจากสระน้ำและกลับลงสระน้ำไปด้วย มีครั้งหน่ึงเคยเล่าให้เพ่ื่อนในกลุ่มฟังว่าเขาขึ้นมาจากสระและจะพาเพ่ือนไปดู แต่ไปไม่ถึงถูกแมงป่องต่อยซะก่อน พิษเจ็บปวดมากและขาก็บวม ใหญ่เท่าขาช้างเลย พี่นางบอกเพ่ือนๆว่าถูกแมงป่องต่อย เพ่ือนๆถามว่าตรงไหน พอเอาไฟฉายส่องดูก็ไม่เห็น เห็นแต่ใบไม้ ใครๆส่องก็ไม่เห็น แต่พอเอาไฟฉาย 3 กระบอกส่องไปจุดเดียวกันเท่านั้นแหละเจอเลยแมงป่องตาแดงตัวใหญ่มากก็เลยพากันกลับเข้าศาลาเลยอดดูทางขึ้นลงของชาวบา้นเหล่านั้นเลย พวกเขาคงรู้ว่ามีคนตามดูพวกเขา ก็เลยสร้างอุปสรรคขึ้นมาขัดขวางไว้มั้ง
พอปีถัดมาไปอีกพี่นางบอกเพ่ือนว่าคอยจับตาดูคนกลุ่มนั้นไว้นะเวลาเขากลับออกไปหลังจากสวดมนต์เสร็จ เพ่ือนๆก็คอยดูพอเขาเดินไปก็เดินตามห่างๆ ไม่ให้เขารู้พอถึงต้นไม้ใหญ่เขาจะเลี้ยวขวา
กลุ่มเพื่อนพี่นางก็ไปทางซ้ายกลัวเขารู้ว่าตามเขา กะว่าจะอ้อมต้นไม้ไปดักข้างหน้าเขา แต่พอเดินอ้อมต้นไม้ไปก็ไม่เจอเขาแล้ว หายไปหมดแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าเขามาจากไหนและกลับไปทางไหน จะมีก็แต่พี่นางคนเดียวเท่านั้นที่รู้และเห็นเขาข้ึ้นและลงสระน้ำ คนพวกนี้เขามีของมาฝากคนจากที่อื่นที่ไปสวดมนต์ข้ามคืนที่วัดด้วย เช่น ผ้า หมอน พี่นางได้ผ้ามาผืนหนึ่งเนื้อนิ่ม เบา และมีกลิ่นหอม ลื่นๆคล้ายผ้าไหม แต่พี่นางบอกว่าไม่ใช่ไหมบ้านเราในปัจจุบัน ปัจจุบันนี้พี่นางยังเก็บผ้าผืนนั้นไว้บนหิ้งพระที่บ้าน
ระหว่างสวดมนต์หรือตอนพักพวกเขาจะไม่คุยกันแต่คุยกับกลุ่มพี่นางและคนอื่นๆ ตอนที่เขามาและเอาของมาฝาก พี่นางได้ถามเขาว่าบ้านอยู่ไหน เขาก็บอกชื่อนามสกุล บ้านเลขที่ ตำบล อำเภอ
ให้รู้ แถมบอกเบอร์โทรศัพท์ด้วย พี่นางก็ได้ไปถามชาวบ้านคนที่มาทำบุญว่ามีคนชื่อนี้ บ้านเลขที่นี้
อยู่ที่ไหน ชาวบ้านบอก นามสกุลมี บ้านเลขที่มี แต่ไม่มีคนช่ือนี้ ช่ือนั้น หมู่บ้านนั้นและบ้านเลขที่นั้นมันเป็นหมู่บ้านโบราณใกล้ๆแถวนั้นแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว พี่นางก็เลยลองโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่เขาให้ไว้
ปรากฏว่าเบอร์นี้ยังไม่เปิดให้บริการ เมื่อกลับมาแล้วหวยออกเบอร์โทรศัพท์ที่เขาให้ไว้ 099
ปีถัดมาก็ไปสวดมนต์ข้ามคืนกันอีก อย่างที่บอกแล้วว่าบริเวณวัดนั้นเป็นหมู่บ้านโบราณตั้งแต่
สมัยรัชกาลที่5 จะมีชาวบ้านที่จะเรียกว่าลึกลับก็ได้นำเอาสิ่งของมีค่ามาถวายหลวงพ่ออยู่เป็นประจำ
และเยอะมาก เช่น ถ้วยชาม เครื่องใช้ พระพุทธรูป เคร่ืองประดับต่างๆ หลวงพ่อได้เก็บรักษาไว้ที่วัด
ที่สำคัญตอนที่สร้างโบสถ์มีคนถวายพระพุทธรูปใหญ่พอสมควร หลวงพ่อก็ได้นำไปไว้ในโบสถ์แล้วสร้างพระพุทธรูปปูนปั้นทับไว้อีกองค์หนึ่งด้านนอก ของเก่าอยู่ด้านใน ปัจจุบันยังอยู่ในโบสถ์ ถึงแม้
เขาจะถวายพระแล้ว แต่เขาก็ยังมีคนตามมาเฝ้าอีก พี่นางเล่าว่าจะเข้าไปหาหลวงพ่อก็มีคนแก่อายุประมาณ 70 ปี ผิวขาวเหลืองหนังไม่เหี่ยวหน้าไม่ย่น เดินสวนประตูออกมา ถามพวกพี่นางว่าจะไปไหน
พี่นางบอกจะเข้าไปชมบารมีหลวงพ่อ ชายแก่คนนั้นจึงบอกว่า หลวงพ่อจำวัดอยู่ตื่นแล้วค่อยมา
พี่นางพอรู้ว่าเขาเป็นใครก็เลยไม่ดิ้อรั้นเข้าไปจึงได้พากันถอยกลับ เพราะไม่รู้ว่าเขาทาหรือพ่นพิษไว้
ตามประตูทางเข้าหรือเปล่า ถ้ารั้นเข้าไปอาจโดนพิษเข้า จะทำให้เจ็บปวด ไม่สบายได้ พวกเขาก็ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไปนี่แหละ แต่ไม่รู้ไม่เห็นที่มาที่ไปเท่านั้นแหละ
มีคืนหนึ่งนอนหลับอยู่ที่บ้านที่นครนายก ก็ฝันว่าได้ไปที่ถ้ำแห่งหนึ่งที่ไม่เคยรู้จัก ตื่นขึ้นมาจำ
เส้นทางได้แม่นยำเลยบอกลูกชายขับรถไปให้โดยพี่นางเป็นคนบอกเส้นทางไปตลอด ไปกัน4 คนมี
พี่นาง ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลาน เดินทางโดยรถกระบะ โดยพี่นางได้โทรศัพท์นัดกับเพื่อนๆอีก2
รถตู้จากสระแก้วจะไปพิสูจน์ว่ามีจริงไหม นัดแนะเจอกันที่ปั๊มนำ้มันแห่งหนึ่งแล้วขับรถไปเร่ือยๆเถียงกับ
ลูกชายเรื่องเส้นทางไปเร่ือยๆจนหลงทาง แล้วอยู่ๆหลวงพ่อก็โทรศัพท์มาถามว่าถึงไหนแล้วคนที่นัดไว้เขารออยู่ปั๊มนำ้มันแลัวนะ ก็เลยถอยรถกลับออกมาจากทางที่หลงเข้าไปขับไปสักพักก็ถึงปั๊มและเจอ
กลุ่มที่นัดกันไว้แล้วขับต่อไปทางเป็นป่ามืดเพราะไปถึงเกือบมืดแล้ว ขับตามทางเล็กๆเข้าไปในป่าอีกประมาณ3 กม. ก็ถึงถำ้
ถึงถำ้้ก็มืดแล้ว กลุ่มที่มารถตู้บอกนอนในถำ้ไม่ได้ หนาว และไม่มีมุ้งจะขอออกไปนอนโรงแรมข้างนอก พี่นางกับลูกก็คิดว่านอนไม่ได้เหมือนกัน หลวงพ่อเดินมาบอกให้นอนที่นี่แหละแล้วก็เดินไป
พี่นางก็มาคิดว่าจะนอนอย่างไรหนาวด้วยมุ้งก็ไม่มี สักพักหลวงพ่อก็เดินมาบอกอีกว่า นอนที่นี่แหละอย่าออกไปนะจะไม่พ้นป่าเพราะมืดแล้ว ทำนองว่าจะหลงทาง พี่นางก็ยังไม่ตัดสินใจออกไป แต่เพื่อน
กลุ่มรถตู้ออกไปแล้ว หลวงพ่อก็กลับมาอีกพร้อมมุ้งหนึ่งหลังยื่นให้แล้วบอกว่านอนนี่แหละ พี่นางก็เลยกางมุ้งนอนกัน 4 คน อากาศหนาวแต่ไม่หนาวมุ้งก็ไม่มี แต่ก็นอนหลับสบาย
หลับไปก็ฝันว่าได้ลงไปในนำ้ และลงจากใต้นำ้ลึกลงไปอีกก็เป็นถ้ำเหมือนห้องโถงใหญ่ๆมีสมบัติมีค่ามากมาย แล้วเดินไปเรื่อยๆจนถึงแท่นๆหนึ่งมีพญานาคสีขาวอมเทาๆใหญ่มากอยู่ 1 ตัว ก็เดินเข้าไปหา พญานาคก็คายเมือกใส่ตั้งแต่หัวลงมาทั้งตัวกลื่นเหม็นมากแทบเป็นลม แล้วก็ตื่นขึ้นมาเช้าพอดี
ตอนหลับอยู่ลูกชายบอกว่าจับตัวแม่เย็นมาก แล้วก่อนแม่ตื่นหลวงพ่อเดินมาถามว่าแม่กลับมาหรือยัง
ลูกตอบว่าแม่อยู่นี่ไม่ได้ไปไหน หลวงพ่อเลยพูดว่าต่ืนได้แล้วโยม อย่ามัวฝันหวานอยู่เลย ก็พอดีกับที่่
แม่ตื่นขึ้นมาพอดี แล้วหลวงพ่อก็เอาใบตองกับเคร่ืองต่างๆมาวางลงบอกพี่นางว่าให้ทำบายศรีขึ้นไปรับแสงตะวัน พี่นางบอกว่าไม่เคยทำบายศรีทำไม่เป็น หลวงพ่อบอกว่าเอาไปทำเถอะ สักพักพี่นางก็ลองทำดูและทำเสร็จออกมาได้อย่างสวยงาม แล้วหลวงพ่อบอกว่าจะเอาขึ้นไปบนยอดเขาใครจะตามมาก็ได้ แต่ห้ามผู้หญิงขึ้น พี่นางเลยบอกลูกชายถือบายศรีตามหลวงพ่อขึ้นไปบนยอดเขา เดินขึ้นไปไกลเหมือนกันลูกชายบอกว่าเดินไปพอถึงยอดเขามองไปรอบๆมีแต่นำ้ทั้งนั้นเลยทั้งๆทีเดินขึ้นไปจากถำ้ที่นอนกันตอนกลางคืนก็ปกติดี แต่ทำไมมีน้ำอยู่สูงกว่าถ้ำ ระหว่างทางที่เดินไปก็เห็นอะไรหลายๆอย่าง
แต่พูดไม่ได้ หลวงพ่อบอกเห็นแล้วห้ามพูดต่อจะเป็นภัยแก่ตัวเอง ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงบัดนี้ลูกชายพี่นางก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่าเห็นอะไรมาบ้าง ชีวิตการงานและเร่ืองต่างๆก็ดำเนินไปได้ดีขึ้นเร่ือยๆ
ตอนหลังหลวงพ่อมาถามพี่นางว่าได้เห็นอะไร เห็นมาแล้วใช่ไหม แต่อย่าไปเล่าต่อนะ ที่เขาทำให้น่ะเป็นการล้างพิษต่างๆที่จะมาทำร้ายร่างกายเรา แล้วหลวงพ่อรู้ได้อย่างไรว่าพี่นางฝันอะไร ไปไหนมา ทำอะไรบ้าง หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้าที่พี่นางกับคณะจะไปที่ถ้ำมีพระกับเณรมาที่ถ้ำนี้แล้วหายไปเฉยๆ ไม่มีใครพบอีกเลย ประมาณว่าถูกขังไว้ออกมาไม่ได้เหมือนถูกลงโทษ เป็นหรือตายไม่มีใครพบเห็นออกมาอีกเลย
หลังจากนั้นมาพี่นางก็ยังไปสวดมนต์อยู่เรื่อยๆทุกปีที่มีโอกาสไปได้ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พี่นางเล่าให้ฟัง ฟังแล้วเอา 2 เร่ืองมารวมกันเหมือนเป็นเร่ืองเกี่ยวกันนะ บริเวณวัดเป็นนามีน้ำ ผู้คนขึ้นมาจากสระมาสวดมนต์ข้ามคืน และพี่นางไปนอนที่ถำ้ที่ตัวเองเห็นในฝันแล้วฝันว่าลงไปเจอพญานาคและเห็นของมีค่ามากมาย คงเป็นบุญเก่าที่ทำมาในอดีตจึงทำให้เจอสิ่งต่างๆที่คนอื่นไม่มีโอกาสได้พบเจอ สาธุ
เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน
ขอบคุณพี่นางและสิ่งต่างๆหรืออะไรก็ตามที่ไม่สามารถพูดได้ ขอบคุณอีกครั้ง!!!!!!!!!!!!
พบกันใหม่ในบทความต่อไป
สนับสนุนโดย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น