เรื่องลึกลับจากวัดกลางทุ่ง

เรื่องลึกลับจากวัดกลางทุ่ง

  วันนี้มีลูกคัาประจำท่านหนึ่งชื่อพี่นางมาตัดแว่นที่ร้านโดยทำแว่นใหม่ 1คู่ และซ่อมอันเก่าที่หักอีก 1 คู่
หลังจากวัดสายตาเลือกกรอบแว่นได้ถูกใจบอกราคาเสร็จเรียบร้อยส่งแ่วนพร้อมค่าสายตาให้ช่างไปทำการตัดแล้ว ก็น้่งคุยกันไปเรื่อยๆสัพเพเหระเพื่อรอเวลาตัดแว่นเสร็จแล้วรับแว่นไปเลย    คุยไปคุยมาก็มาลงที่เร่ิ่องเงิน พี่นางก็บ่นนั่นนี่โน่นไปเรื่อยๆ    แล้วก็เล่าว่า จะทำบุญโคมไฟโดยรวมกับเพื่อนๆไม่มีการเร่ียไรใครอยากทำบุญโคมไฟก็ช่วยกันออกเงินได้เงินมาจำนวนหน่ึ่งก็ไปซ้ื้อโคมไฟได้ช่อหน่ึง เม่ิ่อได้โคมไฟมาแล้วพี่นางก็บอกให้ลูกชายไปขับรถของวัดซึ่งเป็นรถหกล้อมาเอาโคมไฟที่บ้าน(นครนายก)
แต่รถก็มาไม่ถึงยางแตกก่อนจึงเอารถกลับ  ไม่ได้เอาโคมไฟไป
       อีกครั้งหน่ึ่งให้คนมาเอาคนก็ป่วยไม่สามารถมาได้ จึงได้โทรศัพท์ไปบอกหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่าเขา
ให้เอามาถวายด้วยตัวเอง  ซึ่งก็ตรงกับความคิดของเราที่แหย่ๆพี่นางไปว่า เขาคงอยากให้พี่นางไปถวายด้วยตัวเองมั้ง
       เราเลยถามพี่นางว่าไปวัดไหนไกลมั้ย เขาบอกช่ื่อวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน  แต่ตัววัดอยู่กลางทุ่งนา  พี่นางเลยเล่าประวัติวัดนี่้ให้ฟัง ว่าบริเวณนี้เป็นวัดเก่าหมู่บ้านโบราณแต่ตอนนี้ไม่มีแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่5  ก่อนที่หลวงพ่อจะมาอยู่ที่นี่ได้ฝันว่ามีคนชวนมาสร้างวัด ท่าตอบว่าไปได้อย่างไรไม่มีเงิน
ในฝันเขาบอกว่าไปเถอะเดี๋ยวก็มีเอง  พอตื่นมาก็มาคิดว่าฝันเป็นอะไรมีเงินติดตัวแค่ 700 บาทจะสร้างวัดได้อย่างไร    ในฝันเขาบอกตำแหน่งให้ไปว่าตรงไหนซ่ึ่งก็เป็นที่ตั้งวัดในปัจจุบันนี้
        หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านก็ธุดงค์ไปตามในฝันไปปักกลดที่นานอกหมู่บ้านได้ 3 วันก็มีชาวบ้านคน
หน่ึ่ง มาถวายที่ดิน 3 ไร่เพ่ือให้หลวงพ่อสร้างวัด ชาวบ้านเล่าว่าที่ดินของเขาผืนนี้ทำนาก็ไม่ได้ข้าวทำอย่างอื่นก็ไม่ได้กิน สร้างบ้านก็อยู่ไม่ได้ไม่มีความสุข  ก็เลยนำมาถวายพระสร้างวัด  หลวงพ่อก็รับไว้
แล้วเริ่มสรา้งที่ละน้อยเร่ือยๆมาจนเสร็จ
        ที่วัดแห่งนี่จะมีการสวดมนต์ข้ามคืนทุกเดือนๆละครั้ง ซึ่งพี่นางก็ไปเป็นประจำมาหลายปีแล้ว
ก่อนไปก็ไม่ได้รู้จักมาก่อนไปตามคนอื่นเขาแล้วติดใจ พี่นางเล่าว่าก็เป็นวัดธรรมดาๆนี่แหละคนในหมู่บ้านก็มีไม่มาก  มีอยู่ปีหน่ึ่งเอารถตู้ไป  ไปกันประมาณ 10 คนพอไปถึงวัดเกือบทุ่มแล้ว  ราวๆประมาณ
2  ทุ่มทางวัดก็จะสวดมนต์ข้ามคืน ตอนนั้นก็มีชาวบ้านทะยอยกันมาเพิ่มเป็น 20 - 30 คน กลุ่มพี่นางไปอาบน้ำไม่นานพอออกมาไม่นานมีคนมาเต็มลานวัดแน่นเอี๊ยดเลย  อย่างที่บอกตอนต้นว่าหมู่บ้านนี้มีคน
ไม่เท่าไหร่รวมกับกลุ่มพี่นางอีก 10 กว่าคน  แล้วคนที่เหลืออีกมากมายเป็นใครมาจากไหน
          ถึงเาลาสวดมนต์เขาก็สวดเสียงดังปกติ ถึงเาลาพักก็จะเฉพาะกลุ่มพี่นางกับชาวบ้านบางคนเท่านั้นที่กินน้ำบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง ส่วนที่เหลือก็นั่งสมาธิหลับตานั่งนิ่งเหมืิอนต้นไผ่ไม่ไปไหนเลย  พี่นางบอกว่าจะเห็นเขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่ไปสวดมนต์ข้ามคืนที่วัดนี้  พอใกล้สว่างคนเหล่านั้นเขาก็ทยอยถอยกลับออกไปจนเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น   พี่นางเล่าว่าเขาเคยเห็นว่าคนเหล่านั้นขึ้นมาจากสระน้ำและกลับลงสระน้ำไปด้วย   มีครั้งหน่ึงเคยเล่าให้เพ่ื่อนในกลุ่มฟังว่าเขาขึ้นมาจากสระและจะพาเพ่ือนไปดู  แต่ไปไม่ถึงถูกแมงป่องต่อยซะก่อน  พิษเจ็บปวดมากและขาก็บวม ใหญ่เท่าขาช้างเลย   พี่นางบอกเพ่ือนๆว่าถูกแมงป่องต่อย  เพ่ือนๆถามว่าตรงไหน  พอเอาไฟฉายส่องดูก็ไม่เห็น   เห็นแต่ใบไม้  ใครๆส่องก็ไม่เห็น  แต่พอเอาไฟฉาย 3 กระบอกส่องไปจุดเดียวกันเท่านั้นแหละเจอเลยแมงป่องตาแดงตัวใหญ่มากก็เลยพากันกลับเข้าศาลาเลยอดดูทางขึ้นลงของชาวบา้นเหล่านั้นเลย  พวกเขาคงรู้ว่ามีคนตามดูพวกเขา  ก็เลยสร้างอุปสรรคขึ้นมาขัดขวางไว้มั้ง


            พอปีถัดมาไปอีกพี่นางบอกเพ่ือนว่าคอยจับตาดูคนกลุ่มนั้นไว้นะเวลาเขากลับออกไปหลังจากสวดมนต์เสร็จ  เพ่ือนๆก็คอยดูพอเขาเดินไปก็เดินตามห่างๆ  ไม่ให้เขารู้พอถึงต้นไม้ใหญ่เขาจะเลี้ยวขวา
กลุ่มเพื่อนพี่นางก็ไปทางซ้ายกลัวเขารู้ว่าตามเขา กะว่าจะอ้อมต้นไม้ไปดักข้างหน้าเขา แต่พอเดินอ้อมต้นไม้ไปก็ไม่เจอเขาแล้ว หายไปหมดแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าเขามาจากไหนและกลับไปทางไหน  จะมีก็แต่พี่นางคนเดียวเท่านั้นที่รู้และเห็นเขาข้ึ้นและลงสระน้ำ  คนพวกนี้เขามีของมาฝากคนจากที่อื่นที่ไปสวดมนต์ข้ามคืนที่วัดด้วย  เช่น  ผ้า  หมอน   พี่นางได้ผ้ามาผืนหนึ่งเนื้อนิ่ม  เบา และมีกลิ่นหอม ลื่นๆคล้ายผ้าไหม  แต่พี่นางบอกว่าไม่ใช่ไหมบ้านเราในปัจจุบัน     ปัจจุบันนี้พี่นางยังเก็บผ้าผืนนั้นไว้บนหิ้งพระที่บ้าน
             ระหว่างสวดมนต์หรือตอนพักพวกเขาจะไม่คุยกันแต่คุยกับกลุ่มพี่นางและคนอื่นๆ   ตอนที่เขามาและเอาของมาฝาก  พี่นางได้ถามเขาว่าบ้านอยู่ไหน  เขาก็บอกชื่อนามสกุล  บ้านเลขที่  ตำบล  อำเภอ
ให้รู้  แถมบอกเบอร์โทรศัพท์ด้วย   พี่นางก็ได้ไปถามชาวบ้านคนที่มาทำบุญว่ามีคนชื่อนี้  บ้านเลขที่นี้
อยู่ที่ไหน  ชาวบ้านบอก นามสกุลมี  บ้านเลขที่มี แต่ไม่มีคนช่ือนี้    ช่ือนั้น หมู่บ้านนั้นและบ้านเลขที่นั้นมันเป็นหมู่บ้านโบราณใกล้ๆแถวนั้นแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว  พี่นางก็เลยลองโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่เขาให้ไว้
ปรากฏว่าเบอร์นี้ยังไม่เปิดให้บริการ   เมื่อกลับมาแล้วหวยออกเบอร์โทรศัพท์ที่เขาให้ไว้   099
             ปีถัดมาก็ไปสวดมนต์ข้ามคืนกันอีก  อย่างที่บอกแล้วว่าบริเวณวัดนั้นเป็นหมู่บ้านโบราณตั้งแต่
สมัยรัชกาลที่5   จะมีชาวบ้านที่จะเรียกว่าลึกลับก็ได้นำเอาสิ่งของมีค่ามาถวายหลวงพ่ออยู่เป็นประจำ
และเยอะมาก  เช่น  ถ้วยชาม  เครื่องใช้  พระพุทธรูป   เคร่ืองประดับต่างๆ   หลวงพ่อได้เก็บรักษาไว้ที่วัด
ที่สำคัญตอนที่สร้างโบสถ์มีคนถวายพระพุทธรูปใหญ่พอสมควร   หลวงพ่อก็ได้นำไปไว้ในโบสถ์แล้วสร้างพระพุทธรูปปูนปั้นทับไว้อีกองค์หนึ่งด้านนอก  ของเก่าอยู่ด้านใน  ปัจจุบันยังอยู่ในโบสถ์    ถึงแม้
เขาจะถวายพระแล้ว  แต่เขาก็ยังมีคนตามมาเฝ้าอีก   พี่นางเล่าว่าจะเข้าไปหาหลวงพ่อก็มีคนแก่อายุประมาณ 70  ปี ผิวขาวเหลืองหนังไม่เหี่ยวหน้าไม่ย่น เดินสวนประตูออกมา  ถามพวกพี่นางว่าจะไปไหน
พี่นางบอกจะเข้าไปชมบารมีหลวงพ่อ   ชายแก่คนนั้นจึงบอกว่า หลวงพ่อจำวัดอยู่ตื่นแล้วค่อยมา
พี่นางพอรู้ว่าเขาเป็นใครก็เลยไม่ดิ้อรั้นเข้าไปจึงได้พากันถอยกลับ   เพราะไม่รู้ว่าเขาทาหรือพ่นพิษไว้
ตามประตูทางเข้าหรือเปล่า  ถ้ารั้นเข้าไปอาจโดนพิษเข้า  จะทำให้เจ็บปวด  ไม่สบายได้  พวกเขาก็ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไปนี่แหละ  แต่ไม่รู้ไม่เห็นที่มาที่ไปเท่านั้นแหละ
            มีคืนหนึ่งนอนหลับอยู่ที่บ้านที่นครนายก ก็ฝันว่าได้ไปที่ถ้ำแห่งหนึ่งที่ไม่เคยรู้จัก  ตื่นขึ้นมาจำ
เส้นทางได้แม่นยำเลยบอกลูกชายขับรถไปให้โดยพี่นางเป็นคนบอกเส้นทางไปตลอด  ไปกัน4 คนมี
พี่นาง  ลูกชาย  ลูกสะใภ้  และหลาน   เดินทางโดยรถกระบะ  โดยพี่นางได้โทรศัพท์นัดกับเพื่อนๆอีก2
รถตู้จากสระแก้วจะไปพิสูจน์ว่ามีจริงไหม   นัดแนะเจอกันที่ปั๊มนำ้มันแห่งหนึ่งแล้วขับรถไปเร่ือยๆเถียงกับ
ลูกชายเรื่องเส้นทางไปเร่ือยๆจนหลงทาง  แล้วอยู่ๆหลวงพ่อก็โทรศัพท์มาถามว่าถึงไหนแล้วคนที่นัดไว้เขารออยู่ปั๊มนำ้มันแลัวนะ  ก็เลยถอยรถกลับออกมาจากทางที่หลงเข้าไปขับไปสักพักก็ถึงปั๊มและเจอ
กลุ่มที่นัดกันไว้แล้วขับต่อไปทางเป็นป่ามืดเพราะไปถึงเกือบมืดแล้ว  ขับตามทางเล็กๆเข้าไปในป่าอีกประมาณ3 กม. ก็ถึงถำ้
            ถึงถำ้้ก็มืดแล้ว กลุ่มที่มารถตู้บอกนอนในถำ้ไม่ได้  หนาว และไม่มีมุ้งจะขอออกไปนอนโรงแรมข้างนอก  พี่นางกับลูกก็คิดว่านอนไม่ได้เหมือนกัน   หลวงพ่อเดินมาบอกให้นอนที่นี่แหละแล้วก็เดินไป
พี่นางก็มาคิดว่าจะนอนอย่างไรหนาวด้วยมุ้งก็ไม่มี  สักพักหลวงพ่อก็เดินมาบอกอีกว่า นอนที่นี่แหละอย่าออกไปนะจะไม่พ้นป่าเพราะมืดแล้ว  ทำนองว่าจะหลงทาง    พี่นางก็ยังไม่ตัดสินใจออกไป  แต่เพื่อน
กลุ่มรถตู้ออกไปแล้ว หลวงพ่อก็กลับมาอีกพร้อมมุ้งหนึ่งหลังยื่นให้แล้วบอกว่านอนนี่แหละ  พี่นางก็เลยกางมุ้งนอนกัน 4 คน อากาศหนาวแต่ไม่หนาวมุ้งก็ไม่มี แต่ก็นอนหลับสบาย
           หลับไปก็ฝันว่าได้ลงไปในนำ้ และลงจากใต้นำ้ลึกลงไปอีกก็เป็นถ้ำเหมือนห้องโถงใหญ่ๆมีสมบัติมีค่ามากมาย แล้วเดินไปเรื่อยๆจนถึงแท่นๆหนึ่งมีพญานาคสีขาวอมเทาๆใหญ่มากอยู่ 1  ตัว ก็เดินเข้าไปหา  พญานาคก็คายเมือกใส่ตั้งแต่หัวลงมาทั้งตัวกลื่นเหม็นมากแทบเป็นลม  แล้วก็ตื่นขึ้นมาเช้าพอดี
ตอนหลับอยู่ลูกชายบอกว่าจับตัวแม่เย็นมาก แล้วก่อนแม่ตื่นหลวงพ่อเดินมาถามว่าแม่กลับมาหรือยัง
ลูกตอบว่าแม่อยู่นี่ไม่ได้ไปไหน  หลวงพ่อเลยพูดว่าต่ืนได้แล้วโยม  อย่ามัวฝันหวานอยู่เลย  ก็พอดีกับที่่
แม่ตื่นขึ้นมาพอดี   แล้วหลวงพ่อก็เอาใบตองกับเคร่ืองต่างๆมาวางลงบอกพี่นางว่าให้ทำบายศรีขึ้นไปรับแสงตะวัน  พี่นางบอกว่าไม่เคยทำบายศรีทำไม่เป็น   หลวงพ่อบอกว่าเอาไปทำเถอะ   สักพักพี่นางก็ลองทำดูและทำเสร็จออกมาได้อย่างสวยงาม  แล้วหลวงพ่อบอกว่าจะเอาขึ้นไปบนยอดเขาใครจะตามมาก็ได้  แต่ห้ามผู้หญิงขึ้น  พี่นางเลยบอกลูกชายถือบายศรีตามหลวงพ่อขึ้นไปบนยอดเขา เดินขึ้นไปไกลเหมือนกันลูกชายบอกว่าเดินไปพอถึงยอดเขามองไปรอบๆมีแต่นำ้ทั้งนั้นเลยทั้งๆทีเดินขึ้นไปจากถำ้ที่นอนกันตอนกลางคืนก็ปกติดี  แต่ทำไมมีน้ำอยู่สูงกว่าถ้ำ ระหว่างทางที่เดินไปก็เห็นอะไรหลายๆอย่าง
แต่พูดไม่ได้ หลวงพ่อบอกเห็นแล้วห้ามพูดต่อจะเป็นภัยแก่ตัวเอง ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงบัดนี้ลูกชายพี่นางก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่าเห็นอะไรมาบ้าง ชีวิตการงานและเร่ืองต่างๆก็ดำเนินไปได้ดีขึ้นเร่ือยๆ
             ตอนหลังหลวงพ่อมาถามพี่นางว่าได้เห็นอะไร  เห็นมาแล้วใช่ไหม แต่อย่าไปเล่าต่อนะ  ที่เขาทำให้น่ะเป็นการล้างพิษต่างๆที่จะมาทำร้ายร่างกายเรา  แล้วหลวงพ่อรู้ได้อย่างไรว่าพี่นางฝันอะไร  ไปไหนมา ทำอะไรบ้าง     หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้าที่พี่นางกับคณะจะไปที่ถ้ำมีพระกับเณรมาที่ถ้ำนี้แล้วหายไปเฉยๆ ไม่มีใครพบอีกเลย ประมาณว่าถูกขังไว้ออกมาไม่ได้เหมือนถูกลงโทษ เป็นหรือตายไม่มีใครพบเห็นออกมาอีกเลย
         
           หลังจากนั้นมาพี่นางก็ยังไปสวดมนต์อยู่เรื่อยๆทุกปีที่มีโอกาสไปได้   นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พี่นางเล่าให้ฟัง    ฟังแล้วเอา  2  เร่ืองมารวมกันเหมือนเป็นเร่ืองเกี่ยวกันนะ  บริเวณวัดเป็นนามีน้ำ  ผู้คนขึ้นมาจากสระมาสวดมนต์ข้ามคืน และพี่นางไปนอนที่ถำ้ที่ตัวเองเห็นในฝันแล้วฝันว่าลงไปเจอพญานาคและเห็นของมีค่ามากมาย คงเป็นบุญเก่าที่ทำมาในอดีตจึงทำให้เจอสิ่งต่างๆที่คนอื่นไม่มีโอกาสได้พบเจอ สาธุ


               เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

              ขอบคุณพี่นางและสิ่งต่างๆหรืออะไรก็ตามที่ไม่สามารถพูดได้   ขอบคุณอีกครั้ง!!!!!!!!!!!!
           

                         พบกันใหม่ในบทความต่อไป

                        สนับสนุนโดย
       

                  www.lovelyglasses.com/love

                  
         


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม